เช้าวันนี้(25สิงหาคม 2559) มีการประกาศผู้ชนะการประมูลรฟฟชีวมวล
ดูเอกสารตัวจริงก่อน อ่านให้ละเอียด แล้วเดี๋ยวจะไปลงรายละเอียด
ผลที่ออก ถือว่าค่อนข้างน่าพูดถึง 2 ประเด็น
1. TPCH ชนะถึง 3 โรงจากส่งทั้งหมด4 โรง ซึ่งถือว่าเยอะกว่าที่ตลาดคาด เพราะมีการแข่งขันกันสูงมาก
พอผลออกมา หลายคนก็ดีใจ แต่พอดูไปสักพัก
2. นักลงทุนจะงงกับ “ข้อเสนออัตราส่วนลด FITf” ที่สูงถึง 81.17% 2 โรง กับ 67.78%
ก็ใช้เวลาย่อยกันพักนึง จนผมไปค้นข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจให้ตัวเอง ก็เลยเขียนตอนนี้สั้นๆอธิบายเรื่องนี้เลยละกัน
หลายคนตั้งคำถามต่อมาว่า ส่วนลดตั้งเยอะ มันจะคุ้มเหรอ?
ผมเลยเอาสูตรข้างบนมาคำนวณจะได้ตารางข้าวล่างนี้ ก็จะเห็นภาพชัดขึ้นว
หรือถ้าคิดแบบถ่วงน้ำหนักเฉลี่ยทั้ง3โรง ก็จะได้ 3.1173/ หน่วย
มันไม่ได้น้อยจนทำให้ขาดทุนอย่างที่คิดกัน แถมยังมีกำไรซะด้วย
ถ้าเทียบกับ รฟฟชีวมวล FIT จะอยู่ที่ 4.54 บาท/หน่วย กำไรจะตกอยู่ที่ราว 11-13 ล้าน/MW
ส่วนช้างแรกในยุคแรกเป็น Adder ก่อนจะถูกปรับมาในภายหลัง ก็อยู่ที่ 3.20 /MW เช่นเดียวกัน
ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่เคยทำรฟฟ มาก่อน ต้องมีการตั้งทีมขึ้นมาซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ของส่วนกลางไม่น้อย
อันนี้ก็เป็นข้อได้เปรียบของคนที่ทำรฟฟอยู่ก่อนแล้ว เพราะสามารถใช้บุคคลากรชุดเดิมได้บางส่วน
คราวนี้สิ่งที่ต้องมาพิจารณาต่อก็คือ สัดส่วนที่ TPCH จะถือหุ้นในแต่ละโรง เพราะมันจะส่งผลต่อการคำนวณกำไร
อันนี้เป็นตารางที่ทาง CNS IRIS คำนวณไว้ ก็พอจะเห็นรูปร่างในแต่ละช่วงเวลาได้
ถ้าขี้เกียจคำนวณต่อ ลองหาอ่านเอาตามบทวิเคราะห์ได้ครับ
สรุป ส่วนตัวมองว่า
1. การชนะ 3/4 โรงทั้งที่มีคนแข่งกันเป็นร้อยโรง เป็นผลในแง่บวกทางจิตวิทยา ว่า TPCH มีความพร้อมจริง
2. ผลตอบแทนที่ได้ อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ เมื่อเทียบกับการแข่งขันกันขนาดนี้
3. ในปีหน้าจะมีการประมูล Lot ใหญ่มากกว่านี้ บริษัทที่ไม่ได้ในรอบนี้ จะออกอาการถอดใจไปไม่น้อย
4. การที่ TPCH ยึดหัวหาดทางภาคใต้ที่เป็นฐานที่มั่นเดิม และยึดต่อได้อย่างเข้มแข็ง ก็จะเป็นแต้มต่อทั้งทางชื่อเสียง และการจัดหา/จัดส่ง วัตถุดิบ ที่เป็นตัวแปรสำคัญ
ปล โปรดใช้วิจารญาณในการรับสาร เงินทองเป็นของหายาก
25 สิงหาคม 2559