ปัญหานึงที่มีมานานในวงการกีฬาคือเรื่องการตัดสิน โดยเฉพาะด้วยสายตา และความทรงจำ จากกรรมการและผู้ช่วยในมุมของตัวเอง(เท่านั้น) ซึ่งที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า มีข้อผิดพลาดมากมายขนาดไหน
มีหลายคนพยายามนิยามความผิดพลาดพวกนี้ว่าเป็น”เสน่ห์”
ซึ่งถ้าเสน่ห์นี้เกิดขึ้นกับทีที่คุณเชียร์ในด้านที่ผิดพลาด ก็คงพูดไม่ออก
จนเริ่มมีการนำการใช้ VAR (Video Assistant Referee) เข้ามาช่วยในการตัดสินเกมฟุตบอล ให้โอกาสกรรมการได้ดูภาพเคลื่อนไหวของเหตุการณ์นั้นซ้ำ หลายรอบ หลายมุม เพื่อให้เกิดการตัดสินที่ถูกต้อง(มากเท่าที่จะเป็นไปได้)
โคตรแมทช์
Match ระหว่าง Manchester City vs Tottenham Hotspur เมื่อคืน (18 เมษายน 62) เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างดีว่า เมื่อเรายอมรับเอาเทคโนโลโนลีเข้ามาช่วยแล้ว ก็จะได้ผลอย่างที่มันควรจะเป็น (ส่วนความถูกใจ ก็เป็นอีกเรื่อง)
แต่แมทซ์นี้ ได้กลายเป็นโคตรแมทช์ของ UCL ตลอดกาลไปแล้ว
แนะนำให้ดูอย่างยิ่ง แล้วจะได้เห็นสัจธรรมของโลกว่า
“ความไม่แน่นอนนั่นแหละแน่นอน”
VAR กับ ตลาดหุ้น
ในตลาดทุน หุ้นขึ้น หุ้นลง ประกอบไปด้วยหลายเหตุผล
ทั้งพื้นฐานจากตัวบริษัท ความหวังของนักลงทุน และ
พลังมืดที่หลายคนรู้(แต่ทำเป็นมองไม่เห็น)
หลายครั้งรู้สึกขัดใจที่ได้เห็นหุ้นหลายตัว ถูกลากขึ้นไป
ทั้งที่บริษัทยังขาดทุนอยู่มาก ยังไม่มีพัฒนาการที่เป็นชิ้นเป็นอัน
แล้วพองบออกมา ก็กลายเป็นโศกนาฏกรรม
ของเหล่านักลงทุนในคราบนักพนันที่อยากวัดดวง
สมมติว่า มีกติกาที่ช่วยให้ทุกคนในตลาดทุนได้รับผลที่ควรจะเป็น
หุ้นจะขึ้นได้ เมื่อบริษัทมีกำไร หรือมีพัฒนาการเป็น สัดส่วนตามผลงานที่ทำได้
ก็คงจะมีนักลงทุนบาดเจ็บน้อยกว่านี้
แต่ความจริงที่ต้องยอมรับให้ได้เร็วที่สุดเมื่ออยู่ในโลกใบนี้ คือมันยังไม่มีอะไรที่ว่าในโลกทุนนิยม พศนี้
ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็น สนามแข่งขัน ห้องทดลอง เป็นทั้งกองสลาก ต้นมะขาม
มันเลยมีทั้งเสน่ห์และอันตรายในแบบของมัน
ในตลาดหุ้น VAR จึงเป็นเรื่องของ การขึ้นๆลงของ ราคา ผลประกอบการณ์ และ อารมณ์
แล้วขึ้นอยู่กับเราว่าจะตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร
VAR (Volatility And Reaction)