เขียนเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559
ซีรี่ย์นี้จะเป็นเป็นการทำความรู้จัก บริษัทที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง แต่ผลงานดีต่อเนื่อง
หรือมีประเด็นที่น่าสนใจ เป็นหุ้นนอกสายตา นอกความสนใจของตลาด
ใครที่อายุ 30 ขึ้นไป คงจะทันยุครุ่งเรื่องของ BodyGlove ผมจำได้ว่า ผมก็เคยมีอยู่ตัวสองตัวนึงนะ สีฟ้าๆเขียวๆ กับส้มๆแดงๆ นี่แหละ
วันเวลาผ่านไป จะให้ใส่สีสัน ลวดลายเยอะขนาดนั้น ก็คงหาโอกาสใส่ยาก ประกอบช่วงนี้ผมทำเสื้อใส่เอง ก็เลยดูห่างเหินจากแบรนด์นี้ไปพอสมควร
มาวันนี้ อ่านกระทู้ใน ThaiVI เรื่อยๆ จนมาเจอกระทู้ BGT ที่พยายามเลี่ยงมาโดยตลอด เพราะคิดว่า คงยังไม่มีอะไรน่าสนใจ จนกระทั่งได้กดเข้าไปปรากฏว่า มีจุดน่าสนใจให้ตามดังนี้ ดูงบกำไรขาดทุนไปก่อนนะ
ประเด็นที่น่าสนใจและติดตาม
– รายได้ทะลุหลัก ไตรมาสละ1xx> 2xx มา 3 ไตรมาสติดกัน
– กำไรเริ่มเห็น ไตรมาสเป็น 2 หลัก ติดต่อกัน 2 ไตรมาส
– NPM ทำได้ระดับ 6.xx% ขณะที่อุตสาหรกรรมทำได้ราว 15-20%(Mc, แต่ก็มีรายละเอียดต่างกัน)
ถ้ามองในแง่ที่ว่า ปรับขบวนให้ดีๆ ก็ดูมีช่องว่างให้โตได้
– เริ่มจะเจาะตลาด Fitness,Yoga โดยใช้ เจนี่ เทียน ที่ถนัดโยคะอยู่แล้ว เป็น Presenter
– ในข่าวมีเปรยๆว่าอยากจะให้ความสำคัญในละแวก CLMV กับ
– อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับทีมบุรีรัมย์และทีมชาติไทย
– Mkcap เข้าขั้นน่ารัก จุ๋มจิ๋ม
SWOTs
จุดแข็ง : เป็นแบรนด์ระดับกลาง ที่ราคาจับต้องได้ , หาซื้อได้ไม่ยาก
จุดอ่อน : ภาพจำของแบรนด์สำหรับคนเมืองยังดูไม่โดดเด่น
โอกาส : ฐานรายได้เล็ก พอขยายกลุ่มสินค้าใหม่ ก็เป็นโอกาสที่ดี,คนตื่นตัวด้านกีฬามาก
ความเสี่ยง : กลุ่ม Sportwear มีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็ยังขยายตัวได้เรื่อยๆ
สำรวจกิจการคร่าวๆ
ลองเข้าไปดูแฟนเพจของเค้า ก็เห็นว่า มีคนสนใจทั้ง Like & Share ค่อนข้างเยอะ ดูคึกคักดี
ตอนนี้มีแฟนเพจระดับ 7 แสน !!
อ้างอิง facebook.com/BodyGlove.th
ส่วนราคาก็เป็นอย่างกราฟที่เห็น
คุยกับบริษัท
อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เลยโทรไปคุยที่บริษัท ได้คุยกับฝ่ายการตลาด และ CFO
คำพูดอาจจะไม่ได้เป๊ะๆ แต่เนื้อหาจะประมาณนี้ครับ
ส่วนของ Sportwear ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นยังไงบ้าง?
>ผลตอบรับดี เริ่มจ้างคุณเจนนี่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 59 ยังไม่นานมานัก ตอนนี้มี Shop ส่วนของ Activate (ชื่อ Category ของ Sportwear) โดยจะเปิดในโซนกีฬา พวก Sport World,Robinson ตอนนีมี 10 กว่าจุด รวม walkway ที่เป็นบูทชั่วคราว ระหว่างรอ บูธถาวร
หลังจากผลตอบรับดี ตอนนี้กำลังจะจะขยายเพิ่มเรื่อยๆ กำลังจะเปิดบูธเฉพาะ Sportwear กับเซ็นทรัลเพิ่ม และก็จะเป็นแผนกย่อยเพิ่มในร้านเดิม(12x กว่าร้าน)
แล้วค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นขนาดไหนครับ?
>ตั้งแต่ปีนี้ เราเริ่มลดสัดส่วนค่าโฆษณาในสื่อหลัก มาเน้นสื่อ Online (ตรงนี้ใช้ทีมของบริษัทเอง ไม่ได้ outsource , ผลตอบรับใน Facebook ดีมาก)เยอะขึ้น แล้วค่าตัวคุณเจนี่ ก็ถืออยู่ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ เพราะจะเปิดตลาดใหม่ ก็ต้องมีงบลงทุนเพิ่ม แต่โดยรวมแล้ว ค่าการตลาดก็ไม่ได้เพิ่มแบบมีนัยยะอะไร ด้วยเหตุผลที่มีการเกลี่ยจากสื่อหลักมา
วางตำแหน่งทางการตลาดยังไงครับ หลายคนมองจะสู้ Brand ดังๆได้เหรอ?
>เราวางตำแหน่งทางการตลาดในส่วน Activte เป็นเป็นชุดออกกำลังกายที่ใส่ในชีวิตประจำวันได้ ส่วน Brand ดังๆ (อย่าง Nike ,Adidas)เค้าจะเน้นไปที่ออกกำลังกายแบบจริงจัง (Professional)
(เล่าต่อว่า) ตั้งแต่เปิดส่วนของ Sportwear แล้วบูธไปอยู่ใกล้ๆกับ Brand ดัง แล้วทำให้ยอดเค้าตก จนคุยกับทางห้างว่า ขอให้บูธ BodyGlove ไปเปิดไกลๆหน่อยได้มั้ย (^^!) เพราะราคามันต่างกันเยอะ จนทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ
(ผมไปเปิดสำรวจมา ยกตัวอย่าง SportBra ของ Brand ดัง ราคา 1,600 แต่ของ BodyGlove 8-900 บาท ราคาก็แทบจะครึ่งๆเลยทีเดียว ก็ไม่แน่าแปลกใจ ที่ทำให้บางคนเลือกราคาถูกกว่า)
สรุป
ณ ช่วงที่เขียน BGT mkcap ราว 450 ล้าน (Mc หมืนล้าน , เขียนเพื่อให้เห็นขนาดเฉยๆ)
กำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาสลาสุด 14.45 , 13.51, 4.88, 2.53 (ล่าสุด…อดีต)
Trailing P/E = 450/35.37 = 12.72 เท่า
รายได้ กำไรที่ค่อยๆโต+มีสินค้ากลุ่มใหม่ ทำให้น่าติดตาม เพราะถ้ายังรักษาไปด้วยทรงนี้
ปีหน้าก็น่าจะเห็นกำไรระดับ 50-70 ล้านได้ไม่ยาก FWD P/E ก็ลงมาระดับ 6-9 เท่า
(ขึ้นอยู่กับคุมงบโฆษณาได้ขนาดไหนด้วย)
ตอนนี้ก็เขียนไว้ประมาณนี้ก่อน แต่สภาพตลาดอยู่ในภาวะอ่อนไหวและผันผวน
บางครั้งมองปัจจัยแค่เรากับบริษัท ก็อาจจะไม่พอ อาจจะต้องมองว่านักลงทุนคนอื่นๆคิดอย่างไรด้วย
โปรดใช้วิจารญาณในการอ่านและตัดสินใจ
โชคดี มีสติ ครับ
Shaen.net
BGT โกยยอดขายเสื้อดำเร่งเครื่องอัพกำลังผลิต
ทันหุ้น – บอสใหญ่ BGT “นพดลธรรมวัฒนะ” โดดรับเสื้อสีดำดันยอดขายพุ่ง สั่งเพิ่มกำลังผลิต 5% จากเดิมผลิตเดือนละ 1 แสนตัว ป้องกันปัญหาเสื้อขาดตลาด โชว์แผนงาน 3 เดือนสุดท้าย ผุดสาขาต่างแดนเสริมฐานแกร่ง คาดเห็นไตรมาส 4/2559 นี้
นายนพดล ธรรมวัฒนะประธานกรรมการ บริษัท บีจีทีคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้เครื่องหมายการค้า BODY GLOVE เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตเสื้อสำเร็จรูป โดยเฉพาะเสื้อโปโลสีดำ เพิ่มมากกว่า 5% จากปกติมีกำลังการผลิตเสื้ออยู่ที่ 100,000 ตัวต่อเดือน เนื่องจากที่ผ่านมาเสื้อสำเร็จรูปสีดำขาดตลาด รวมถึงสต๊อกสินค้าในคลังเก็บสินค้าหมดลงอย่างรวดเร็ว ตามความต้องการของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามแม้เสื้อสีดำจะขาดตลาด แต่บริษัทไม่ได้เพิ่มราคาขายจากปกติ ซึ่งบริษัทคาดว่ายอดขายเสื้อสีดำที่มีมากขึ้นจะช่วยสร้างยอดขายในภาพรวมให้กับ BGT อย่างแน่นอน
เสื้อดำดันยอดขายพุ่ง
“จากวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้เข้ามาซื้อเสื้อโปโลสีดำจนหมดหน้าร้านในทุกสาขา ส่วนในสต๊อกของเราก็หมดด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เราได้เพิ่มกำลังการผลิตน่าจะมากกว่า 5% เพื่อที่จะเพิ่มการผลิตเสื้อโปโลสีดำให้วางขายตามสาขาให้ได้ จากปกติเราผลิตเสื้อโปโลที่ 100,000 ตัวต่อเดือน ส่วนยอดขายเสื้อสีดำที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะช่วยดันยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง แต่จะมากน้อยขนาดไหน เรายังบอกไม่ได้ เพราะเรามีเสื้อโปโลสีอื่นๆ ที่วางขายอยู่ด้วย”นายนพดลกล่าว
ขณะที่แผนงานช่วงที่เหลือของปี 2559 บริษัทคาดแนวโน้มยอดขายในประเทศ ยังมียอดขายเติบโตในทุกๆ ไตรมาส ตามการขยายสาขาทั้งหมด 153 สาขา รวมถึงการเปิดสาขาสินค้าใหม่ ประเภทเสื้อผ้ากีฬาหรือสปอร์ต โดยบริษัทคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
ส่วนแผนการขยายสาขาต่างประเทศ บริษัทเตรียมเปิดสาขาในพม่าเพิ่มอีก 2 สาขาตามศูนย์การค้า จากปัจจุบันบริษัทเปิดสาขาไปแล้ว 2 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้ บริษัทจะมีสาขาในพม่าเพิ่มเป็น 4 สาขา จากเดิมบริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาที่พม่าเพียง 3 สาขา โดยบริษัทประเมินแนวโน้มยอดขายในพม่ายังเติบโตเพิ่มขึ้นตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น
ลุยเปิดสาขาตามแผน
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้ จะยังมีสัดส่วนไม่มาก เนื่องจากบริษัทจะเปิดสาขาให้ครบตามแผนได้ในช่วงไตรมาส 4/2559 ดังนั้นยอดขายจากต่างประเทศจะยังไม่รับรู้เข้ามาเต็มปี เบื้องต้นคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศภายใน 1-2 ปี (2559-2560) จะไม่ถึง 5% สำหรับทั้งปี 2559 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้จากสาขาประเทศพม่าไว้ที่ 8-11 ล้านบาท และคาดว่าจะเห็นยอดขายเข้ามาเต็มปีได้ในปีหน้า (ปี 2560) เป็นต้นไป
บริษัทคาดยอดขายครึ่งปีหลังปี 2559 จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 412.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26.50 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซันของการจำหน่ายสินค้าของ BGT ประกอบกับภาครัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและเริ่มจับจ่ายใช้สอยได้อย่างคึกคัก อนึ่ง 6 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีรายได้ที่ 412.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26.50 ล้านบาท
นายนพดล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทคาดยอดขายปี 2559 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อจากปีก่อนที่มีรายได้ 748.83 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิคาดทำได้สูงกว่าปีก่อนที่ 7.08 ล้านบาท โดยอัตราการเติบโตของยอดขายและกำไร จะมาจากการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ และการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายภายในองค์กรให้รัดกุม โดยบริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปี 2559 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 46%