คิดมาพักใหญ่ ประจวบวันนี้เป็นวัน Earth day พอดี ก็เลยถือโอกาสเขียนเลยละกัน ถ้ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก ก็เป็นเรื่องเล็กอะนะ แต่ถ้ามีวิธีทำให้ดีขึ้นได้อีกนิด รวมๆกันทุกคน มันก็เยอะอะนะ
ในทุกๆปี บริษัทในตลท จะนำส่งเอกสารทางไปรษณีย์ให้นักลงทุนที่ถือหุ้นเพื่อเรียกประชุมประจำปี (AGM)
เพื่อให้รับรอบงบ หรือโหวตมติต่างๆ แล้วแต่จะมี
เอกสารที่ส่งมาให้ เชื่อว่าหลายคนไม่เคยเปิดซองดูด้วยซ้ำด้วยหลายเหตุผล
ซื้อมา 100 หุ้น ไม่ก็ 1 หุ้น เพื่อมาเข้าประชุม สังเกตการณ์ ว่ามีอะไรใหม่ๆมั้ย
ลองคิดตาม
ประเทศไทยมีนักลงทุนที่เปิดบัญชีราว 1 ล้านบัญชี
นักลงทุนมีที่มีความเคลื่อนไหวราว 100,000 บัญชี
นักลงทุนคนนึง มีหุ้นกี่บริษัท สมมติ 5-10 บริษัท (แต่ถ้านักลงทุนที่จริงจัง ก็จะถือหุ้นเพื่อติดตามมากกว่านี้)
ก็จะมีเอกสารเชิญประชุมราว 500,000-1,000,000 ฉบับ ถูกส่งออกไปในแต่ละปี !!!
หนังสือเชิญประชุม 1 ฉบับมีกี่หน้า ที่ผมเจอ ถ้าเอาแค่ขั้นต่ำ 10 หน้า มันก็คือกระดาษ 10 ล้านแผ่น !!!
ทีนี้มันเริ่มเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นรึยัง
คิดว่ามีกี่ % ที่จะเปิดซองครับ คงมีน้อยกว่าครึ่งที่จะไม่ได้เปิดซอง ด้วยเหตุผลว่า
- ซื้อเพื่อเข้าประชุม แล้วใช้บัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวก็ได้
- ค่อยไปหาโหลดเอา PDF เอาก็ได้ แถมจัดเก็บสะดวกไว้
- ส่วนขี้เกียจเปิด อันนี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น
– มันคือการสิ้นเปลืองทรัพยากร ทั้งกระดาษ หมึก เวลาในการหีบห่อ เวลาในการจัดส่งตลอดการเดินทางของซอง ตั้งแต่คนพิมพ์ บุรุษไปรษณีย์ (เปลืองน้ำมันอีก) ยันคนรับต้องแบกขึ้นมาบนห้อง แล้วก็หาที่เก็บ จนหาที่ทิ้งอีกรอบ
– เราอาจได้เงินเล็กน้อยการขายหนังสือเชิญประชุมพวกนี้ แต่ลึกๆก็เชื่อว่า ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้
ก็คงอยากเลือกอย่างหลัง (หรือตูคิดไปคนเดียว)
ทางออกที่ทำได้
– ตลาดหลักทรัพย์ควรให้นักลงทุนเลือกได้ว่า จะรับการแจ้งเข้าประชุมแบบไหน
ทางไปรษณีย์เหมือนเดิม / email,sms,line,etc
หรือถ้ากฏหมายระบุไว้ว่าต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ลองส่งเป็นไปรณียบัตร จดหมาย แล้วพิมพ์ QR ลงบนนั้น ใครอยากอ่านเอกสารก็ส่องเอาได้เป็น PDF Link เอา ลดจำนวนกระดาษและทรัพยากรที่ร่ายยาวมาข้างต้นได้เยอะ
ผมลองค้นระเบียบการประชุมว่า ในการส่งหนังสือเชิญ สามารถทำทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
อ้างอิง
http://www.chiangmai.go.th/p_ksc/p74.PDF
เฟสต่อไป จะทำเป็น app แจ้งเตือน แล้วปักวันในปฏิทินในมือถือให้เลยก็ยังได้
ปล ผมได้ส่งประเด็นนี้ ไปให้เพื่อนของภรรยาที่ทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว
แต่ถ้าใครที่ดูแลเรื่องนี้อยู่โดยเฉพาะ ช่วยดูหน่อยครับ ว่าในทางปฏิบัติ มันทำอย่างที่ผมว่ามาได้มั้ย
ปล2 อย่าหาว่าเขียนเอาหล่อเลยนะ ไม่อยากแค่บ่นๆเฉยๆ แล้วก็วนอยู่ในลูปเดิมๆ