ซีรี่ย์นี้จะเป็นเป็นการทำความรู้จัก บริษัทที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง แต่ผลงานดีต่อเนื่อง
หรือมีประเด็นที่น่าสนใจ เป็นหุ้นนอกสายตา นอกความสนใจของตลาด
มาทำความรู้จักกับ THIP บริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก ดูเผินเหมือนจะไม่ค่อยน่าสนใจ แต่บริษัทมีการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อย่าง ถุงซิบ3 ชั้นที่เอาไว้เก็บนม ถุงเก็บผักที่ยืดอายุได้นานขึ้น มีผลงานดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยอดขายโต กำไรขั้นต้น กำไรสุทธิ ROE โตหลายปีติดต่อกัน
แต่ยังเทรดกันที่ PER 8 เท่า ไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีกับ Ratio ระดับนี่สักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะ สภาพคล่องของหุ้น กับราคาต่อไม้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบเพื่อนในกลุ่ม (แต่ที่ผ่านมาหลายปี สภาพคล่องแบบนี้ ก็ขึ้นมาเป็นเด้งละ)
ผลงานที่ดีมากจากทั้ง ฝีมือของบริษัทเองที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีนวตกรรม และโชคดีจากต้นทุนวัตถุดิบลดในปีที่ผ่านมา ทำให้กำไรยิ่งโตอย่างก้าวกระโดด แต่ราคายังวิ่งเหยาะๆเมื่อเทียบกับเพื่อนที่เพิ่งเข้ามาในหมวดเดียวกัน อย่าง TPBI (Trailing PER 19)
ด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่โตไปกับ Modern Trade ในต่างประเทศ(88%) และเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ที่ใช้แล้วต้องทิ้ง แล้วสั่งใหม่อย่าง ถุงและหลอด ก็จะทำให้ ภาพรวมของตลาดขยายตัวได้เรื่อยๆ กับจะสามารถรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมได้ดีแค่ไหน (แต่เท่าที่ไล่ย้อนดู รายได้รวมก็ยังโตได้ตลอดดี)
จะสังเกตว่า รายได้จากถุงพลาสติกนั้น โตขึ้นทุกปี แต่หลอดมาสะดุดในปี 58 เพราะลูกค้าเจ้าใหญ่มีการเปลี่ยนเลยชะลอคำสั่งซื้อ แต่กระนั้นก็ยังโตได้ และในการประชุมที่ผ่านมา มีการตอบคำถามว่า order ดังกล่าวจากลูกค้าเจ้าดังกล่าว กลับมาสั่งซื้อแล้ด้วยจำนวนที่น่าตกใจ (อ่านได้ที่ย่อหน้าสุดท้าย)
สรุปการประชุมผู้ถือหุ้น THIP
โดยคุณ PGsoulmate-ปี58 รายได้โต 13% แต่กำไรเพิ่มขึ้นถึง 101% เนื่องจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ถูกลง บวกกับการบริหารจัดการที่ดี
-ปี58ที่ผ่านมา คู่แข่งพวกแผ่นฟิล์ม ถุงพลาสติกเริ่มเข้ามามากขึ้น เพราะ demandของตลาดที่สูงขึ้น สินค้าจากเวียดนาม จีน คุณภาพสินค้าเริ่มดีขึ้น ทางผู้บริหารแจ้งว่าลูกค้าหลักยังอยู่กับเราต่อไป ไม่ต้องห่วง เพราะทำธุรกิจกันมานาน สินค้าเราคุณภาพสูงกว่าคู่แข่งและส่งมอบตรงเวลา
-ผู้บริหารไม่อยากระบุ margin ของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดแบบเจาะจงเพราะ กลัวจะทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปถึงคู่แข่ง และดึงให้คู่แข่งเข้ามาตลาดนี้มากขึ้น
-Product ใหม่ๆ ของทานตะวันปีนี้ คือ แผ่นFilmที่ใช้สำหรับwrapอาหาร ใช้PVDC(ชื่อวัตถุดิบ ผมไม่รู้จักเหมือนกันครับ) ทำให้มีความคงทนมากขึ้น ผู้บริหารถึงกับบอกว่า ห่อทุเรียนขึ้นเครืองบินยังได้เลย (แอบโฆษณา5555) สินค้าชนิดนี้marginสูง และขายดีมากในญี่ปุ่น
-ยังมีสินค้าอื่นๆที่ได้รับรางวัลในปีที่ผ่านมา เช่น หูหิ้วพลาสติกสำหรับหิ้วกล่องขนมเค้ก, ถุงแช่เย็นที่มีแถบสฟ้าในการบอกอุณหภูมิ
-ผลิตภัณฑ์อื่นๆ พวกถาดรอง ที่เคยขายดีในปีก่อนๆ ลูกค้าได้ระงับorder ปัจจุบันไม่ได้ผลิตแล้ว
-ปี58 ในช่วงQ3,Q4 ที่ผ่านมาorderจากลูกค้าเยอะมาก โรงงานผลิตไม่ทัน จึงขยายกำลังการผลิตไปยังโรงงานข้างเคียง(ทำการเช่าพื้นที่ ส่วนโรงงานเป็นของเรา ใช้ในการผลิตและเก็บวัตถุดิบ)
-ปี59นี้ ราคาเม็ดพลาสติกช่วงQ1,Q2เม็ดพลาสติกถูกลง แต่ก็มีแนวโน้มว่าราคาพลาสติกเริ่มกระเตื้องขึ้นแล้วเนื่องจากผู้ผลิตเม็ดพลาสติกชะลอการผลิต ทำให้แค่เดือนเดียวราคาขึ้นกว่า10% ตรงส่วนนี้บริษัทได้รับรู้ขาดทุนสต็อกวัตถุดิบไป5.63ล้านบาท หากวัตถุดิบราคาขึ้น จะพลิกกลับมาเป็นรายได้
-ผู้บริหารแจ้งว่า บริษัทได้ตกลงกับลูกค้าไว้แล้ว เมื่อต้นทุนเม็ดพลาสติกขึ้นหรือลง สามารถปรับราคาตามขึ้นลงได้ตามต้นทุน(เยี่ยมไปเลยครับ)
-ผู้บริหารมองว่าปีนี้ ศก. ค่อนข้างผันผวนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับบริษัทเรา
-บริษัทได้จัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ทานตะวัน เพื่อส่งเสิรมการออมของพนักงาน
ส่วนรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวกับคำถามนะครับ
-มีผู้ถือหุ้นท่านนึงเสนอให้ทำการแตกพาร์(ผมก็กำลังจะเสนอเลยครับ ได้แนวร่วมแล้ว) ทางผู้บริหารรับทราบและจะรับไว้พิจารณา เนื่องจากปีก่อนก็เคยมีประเด็นนี้
-กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่80% ยังมีroomเหลืออีกนิดหน่อย
-ผมถามเรื่องลูกค้าที่ชะลอorder สั่งซื้อหลอดดูด ทางผู้บริหารแจ้งว่า เพราะลูกค้าทำการเปลี่ยนแปลงdesignของผลิตภัณฑ์ แต่ปัจจุบัน มีorderเข้ามาแล้ว “ถล่มทลาย” (ผู้บริหารใช้คำนี้ครับ แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเยอะแค่ไหน”
-ส่วนเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ ที่ดิน ที่ทางบริษัทครอบครองอยู่ ณ ปัจจุบัน(ทั้ง2ที่อยู่ใน จ.ปราจีนบุรี) ผู้บริหารแจ้งว่าบริษัทมีความตั้งใจจะขาย รายละเอียดตามนี้นะครับ
>หนองกี่ 68ไร่ – ราคาทุน40ล้าน ราคาตลาด 108.8ล้านบาท มีคนมาขอซื้อ34ไร่(ครึ่งแปลง) เพื่อเอาไปทำปั๊มน้ำมัน แต่บริษัทไม่อยากเฉือนที่แบ่งขาย เพราะขายเต็มๆน่าจะได้ราคาดีกว่า
>บ้านนา 113ไร่ – ราคาทุน3.4ล้าน ราคาตลาด 74.5ล้านบาท ทางบริษัทอยากรอจังหวะขายอีกสัก1ปี เพราะที่ดินอยู่ในแนวห้วยโสมง เป็นแนวชลประทาน ซึ่งตามแผนของชลประทาน จะกินที่ดินเราไปประมาณ 7 ไร่ ถ้าโครงการนี้เริ่มแล้ว ราคาที่ดินตรงนี้น่าจะสูงขึ้นอีก
-เรื่องสุดท้ายก่อนจบการประชุม ผมได้สอบถามเรื่องกระแสเงินสดของบริษัท ปัจจุบันที่ 400ล้านบาท(เงินสด+เงินลงทุนระยะสั้น) ทางบริษัทมีแผนจะใช้เงินตรงนี้ยังไง จะมีปันผลระหว่างกาลมั้ย ผู้บริการให้คำตอบว่า มีแผนกำลังจะเปลี่ยนเครื่องจักร คาดว่าจะใช้เงินหลักร้อยล้าน(เครื่องจักรบางส่วนอายุการใช้งานเกิน 20 ปีแล้ว) และต้องมีเงินที่จ่ายปันผลในปีนี้อีก84ล้านบาท ดังนั้นเงินสดส่วนที่เหลือทางบริษัทขอเก็บไว้ก่อน(อดปันผลระหว่างกาลเลย T-T)
ข้อมูลที่นำมาแสดงนี้ มาจากรายงานประจำปี ,56-1, ข้อมูลจากตลท ที่เป็นสาธารณะทั้งสิ้น ผมยังไม่เคยเข้าประชุมตัวนี้ เพราะช่วงนั้นลูกใกล้คลอดพอดี เลยอาศัยที่เพื่อนสมาชิกใน ThaiVI จดแล้วนำมาแบ่งปัน ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
แนวโน้มของวัตถุดิบ : ยังคงลดลงแล้วกลับมาใกล้เคียงกับปลายปี 2015 บ่งบอกว่า ต้นทุนของ Q1-กลาง Q2 ยังต่ำอยู่
ข้อสังเกต
-Marketcap/Sale ของ TPBI
= 7,680/4,805 = 1.60 > ถ้าจะโตไปด้วยทรงนี้ ควรจะมีกำไรเพิ่มทั้งจาก การดำเนินงานปกติ และมี InOrganic Growth
Marketcap/Sale ของ THIP
= 1984/2,376 = 0.83 > ยังดูถูกกว่าครึ่งนึง
สรุป : THIP จัดว่าเป็นหุ้นนอกสายตาที่น่าจับตาดู กำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้ที่โตเพิ่มขึ้นด้วย (ไม่เหมือนบางตัวที่กำไรโต แต่รายได้หด อันนั้นต้องจับตาใกล้ชิดหน่อย) มีตัวเร่งที่เหมือนเป็นโบนัสคือ ที่ดินและการแตกพาร์ สุดท้าย โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนครับ ^^
10 พ.ค.2559
Shaen.net
Update งบออก THIP 59/Q3
รายได้โต 22.75% YoY
ต้นทุนลด 80%>75.77% YoY
กำไรโต 63.33% YoY
Trailing Profit (Q3/59-Q4/58)
96.25+75.38+ 62.48 + 61.68 = 295.79
Mkcap = 2,544
Trailing EPS = 36.97
Current P/E = 318/36.97 = 8.60